โดยทั่วไปแล้วหลักอิสระในทางแพ่งและหลักเสรีภาพในการทำสัญญานั้น เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันยาก เพราะเป็นหลักที่กลืนกันไปจนแทบจะแยกไม่ออก
อย่างไรก็ดี นิติกรรมนั้นก็จำต้องเป็นสิ่งที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น โดยหลักทั้งสองนี้ไม่อาจแยกออกจากกันได้ และเป็นหลักสำคัญอย่างยิ่งในการทำนิติกรรมต่าง ๆ
เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรู้สึกขัดใจบ้างเมื่อเราไม่สามารถทำบางอย่างได้ตามกฎหมาย แต่เชื่อเถอะว่าสถานะแบบนี้มันจะอยู่กับเราในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดกาล สถานะเช่นนั้นมีขึ้นตามกฎหมายก็เพื่อที่จะปกป้องบุคคลแต่ละประเภทนั่นเอง
ตามกฎหมายแล้ว ผู้เยาว์ กับ บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ นั้นเป็นคนเดียวกัน คือ คนที่มีอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ บุคคลเหล่านี้ในสายตาของกฎหมายเวลาที่จะทำนิติกรรมใดๆ ที่จะส่งผลสำคัญต่อตัวผู้เยาว์ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือ บิดาและมารดาก่อน ด้วยเหตุที่ว่าผู้เยาว์นั้นยังมีอายุน้อยอยู่ อาจขาดสติ และ มิได้ไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะเข้าผูกพันตนเอง
ดังนั้น ผู้แทนโดยชอบธรรมจึงต้องเข้ามาดูแล อย่างไรก็ดีหากผู้เยาว์ได้กระทำการดังกล่าวไปโดยลำพัง นิติกรรมนั้นย่อมตกเป็นโมฆียะ กล่าวคือ ผู้แทนโดยชอบธรรมสามารถบอกล้างนิติกรรมนั้นเสียเพราะเหตุที่ว่านิติกรรมนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เยาว์
บุคคลที่จะอยู่ภายใต้คำนิยามว่า ไร้ความสามารถ ก็คือผู้ที่วิกลจริตถึงขั้นที่ไม่อาจจัดการการงานอันใดด้วยตนเองได้จึงต้องมีผู้อนุบาลมาคอยดูแล โดยการที่บุคคลจะมีสถานะเป็นคนไร้ความสามารถนั้น ผู้ที่มีอำนาจในการบอกว่าใครเป็นบุคคลไร้ความสามารถและใครเป็นผู้อนุบาลได้นั้นก็คือศาลเท่านั้น และเนื่องด้วยบุคคลไร้ความสามารถไม่สามารถจัดการสิ่งใดได้ด้วยตนเองได้เลย หากบุคคลดังกล่าวได้ทำนิติกรรมลงไปโดยปราศจากความยินยอมของผู้อนุบาลแล้วล่ะก็นิติกรรมดังกล่าวก็จะตกเป็นโมฆียะ และอาจถูกบอกล้างได้ในภายหลัง
ทั้งนี้การทำนิติกรรมดังกล่าวต้องถูกกระทำลงในขณะที่บุคคลนั้นมีจริตวิกลและคู่สัญญารู้ว่าผู้นั้นวิกลจริต เช่น
เช่นนี้ ข. ผู้อนุบาลของ ค. ย่อมบอกล้างนิติกรรมซื้อขายไอโฟนนี้ได้ ในทางตรงกันข้าม หากขณะที่ทำนิติกรรมดังกล่าว ข. มิได้มีจริตวิกล หรือ ค. ไม่ได้รู้ถึงความบกพร่องของ ก. เลย เช่นนี้ นิติกรรมดังกล่าวย่อมไม่ตกเป็นโมฆียะ
บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หมายถึง ผู้ที่มีร่างกายพิการ จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมาจนไม่สามารถทำงานได้จึงต้องมีผู้พิทักษ์มาช่วยดูแลในการทำนิติกรรม ซึ่งผู้ที่สามารถสั่งว่าใครเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถและใครจะเป็นผู้พิทักษ์ได้นั้นเป็นหน้าที่ของศาลเช่นเดียวกับกรณีของบุคคลไร้ความสามารถ ซึ่งในการทำนิติกรรมต่าง ๆ ของบุคคลเหล่านี้ หากเป็นนิติกรรมสำคัญ เช่น นิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สิน ความยินยอมของผู้พิทักษ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ หากทำนิติกรรมสำคัญไปเองนิติกรรมนั้นย่อมไม่มีผลสมบูรณ์
ตามกฎหมายแล้วนิติบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่กฎหมายทำการสมมติขึ้นมาให้มีสิทธิหน้าที่เสมือนว่าเป็นบุคคลธรรมดา โดยนิติบุคคลสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้