ให้ เป็นฟังก์ชันที่นิยามบนช่วงเปิดที่มี
เป็นสมาชิกแล้ว
อนุพันธ์ของ ที่
เขียนแทนด้วย
ให้ แทนฟังก์ชันของ
และ
แทนค่าคงที่ แล้ว
ตัวอย่าง 1 จงหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันต่อไปนี้
1)
วิธีทำ
2)
วิธีทำ
3)
วิธีทำ
ถ้าฟังก์ชัน และ
หาอนุพันธ์ได้ และ
เป็นฟังก์ชันประกอบซึ่งกำหนดโดย
แล้วฟังก์ชัน
หาอนุพันธ์ได้ที่
และ
กล่าวคือ ถ้า และ
ซึ่งสามารถหาอนุพันธ์ได้ แล้ว
ตัวอย่าง 2 จงหาเมื่อ
วิธีทำ
จาก
พิจารณาให้,
และ
ให้ แทนฟังก์ชันของ
และหาอนุพันธ์ได้
ตัวอย่าง 3 จงหา เมื่อ
วิธีทำ
ให้ แทนฟังก์ชันของ
และหาอนุพันธ์ได้
ตัวอย่าง 4 จงหา เมื่อ
วิธีทำ
ให้ แทนฟังก์ชันของ
และหาอนุพันธ์ได้
ตัวอย่าง 5 จงหา เมื่อ
วิธีทำ
การหาอนุพันธ์เชิงลอการิทึมนี้ ใช้สำหรับการหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันที่อยู่ในรูป รวมทั้งฟังก์ชันในรูปผลคูณ ผลหาร ที่ยุ่งยากซ้ำซ้อน โดยใช้คุณสมบัติของลอการิทึมธรรมชาติเปลี่ยนรูปฟังก์ชันเพื่อหาอนุพันธ์ได้ง่ายขึ้น มีหลักการทำดังนี้
1.ใส่ ทั้งสองข้างของสมการ
2.เปลี่ยนรูปแบบฟังก์ชันตามคุณสมบัติของลอการิทึม
3.หาอนุพันธ์ตลอดทั้งสมการ
4.แก้สมการเพื่อหา
ตัวอย่าง 6 จงหา เมื่อ
วิธีทำ
ใส่ทั้งสองข้างของสมการ
![]()
หาอนุพันธ์เทียบทั้งสองข้างของสมการ
ฟังก์ชันแฝง (Implicit function) ของฟังก์ชันหนึ่งตัวแปรอิสระ คือ ฟังก์ชันที่เขียนนิยามในรูป หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฟังก์ชันนิยามโดยปริยาย เช่น ฟังก์ชัน
การหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันแฝงหาโดยอนุพันธ์ เทียบกับ
เมื่อ
ตลอดสมการ แล้วหา
โดยการแก้สมการ เรียกการหาอนุพันธ์วิธีนี้ว่า การหาอนุพันธ์ฟังก์ชันโดยปริยาย(Implicit Differentiation)
ตัวอย่าง 7 จงหา ของฟังก์ชันที่นิยามโดยสมการ
วิธีทำ
อนุพันธ์อันดับสูง หมายถึง การหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันเทียบกับตัวแปรอิสระมากกว่าหนึ่งครั้งขึ้นไป เรียกว่า อนุพันธ์อันดับสอง อันดับสาม......ของฟังก์ชัน ตามลำดับ เช่น