กฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ
สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิต ที่เป็น diploid คือ มีโครโมโซม 2 ชุด (2n) ดังนั้นในตำแหน่งเดียวกัน ยีนที่ควบคุมทางลักษณะทางพันธุกรรมจะอยู่เป็นคู่ สามารถเรียกอีกแบบว่า จีโนไทป์(Genotype)
จากผลทดลองปลูกถั่วลันเตา และเก็บรวบรวมข้อมูลทางสถิติ แล้ววิเคราะห์ข้อมูล เมนเดลจึงอธิบายกฏการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ไว้ 2 ข้อหลัก ๆ
- Law of segregation กฎแห่งการแยก
โดยเมนเดลกล่าวว่า
factors ที่อยู่เป็นคู่กันจะแยกออกจากกันเมื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ โดยเซลล์สืบพันธุ์หนึ่งจะมีสารควบคุมทางพันธุกรรมเพียง
1 แบบ
- Law of independent assortment
กฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ โดยเมนเดลกล่าวว่า
factors ที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันของโครโมโซมคนละคู่ สามารถเกิดการจัดรวมกลุ่มกันได้อย่างอิสระ โดยกระบวนการรวมกันของเซลล์สืบพันธุ์
ทั้งนี้ Mendel ได้อธิบายกฎเหล่านี้ทางคณิตศาสตร์โดยยึดหลักการจากแนวคิด การคํานวณความน่าจะเป็น (probability)
ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ A
= จำนวนครั้งที่เหตุการณ์ A จะเกิดขึ้นได้
จำนวนครั้งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
สรุปกฎพื้นฐานของความน่าจะเป็น
- กฎการบวก (addition law) ใช้กับสถานการณ์
ที่เหตุการณ์ไม่สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้
ความน่าจะเป็นของการเกิดเหตุการณ์ A หรือ B
= ความน่าจะเป็นของ A + ความน่าจะเป็นของ Bตัวอย่าง
ในการหยิบไพ่ 1 ครั้ง โอกาสที่จะได้ J หรือ Q
เป็นเท่าใด
โดยกฎการบวก สามารถใช้ได้ในสถานการณ์นี้ได้
เพราะโอกาสที่จะหยิบไพ่ได้ J หรือ Q ไม่เกี่ยวข้องกัน
ดังนั้น โอกาสที่จะหยิบไพ่ได้ J หรือ Q
= โอกาสที่จะหยิบไพ่ได้ J + โอกาสที่จะหยิบไพ่ได้ Q
= 1/13 + 1/13
= 2/13
- กฎการคูณ (multiplication law) ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ เรียกว่า เป็นอิสระต่อกัน
ความน่าจะเป็นของการเกิดเหตุการณ์ A และ B
= ความน่าจะเป็นของ A x ความน่าจะเป็นของ Bตัวอย่าง
โอกาสที่พ่อแม่จะมีบุตร 3 คนเป็นลูกชายทั้งหมด เนื่องจากโจทย์ถามความน่าจะเป็นของการเกิดลูกชายเป็นคนที่ 1 คนที่ 2 และคนที่ 3 จึงเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกัน แต่เป็นอิสระจากกัน จึงสามารถใช้กฎการคูณของความน่าจะเป็น
โอกาสที่พ่อแม่จะมีบุตร 3 คนเป็นลูกชายทั้งหมด
= โอกาสที่ลูกคนที่ 1 จะเป็นลูกชาย x
โอกาสที่ลูกคนที่ 2 จะเป็นลูกชาย x
โอกาสที่ลูกคนที่ 3 จะเป็นลูกชาย x
= ½ x ½ x ½
= ⅛
ข้อควรระวัง คือต้องพิจารณาคำถามให้ดี ว่าโอกาสการเกิดเหตุการณ์ที่โจทย์ถามเกี่ยวข้องกันหรือไม่ควรใช้กฎการบวกหรือกฎการคูณ
การถ่ายทอดพันธุกรรมตามกฎของ
เมนเดล (Mendelian inheritance)
เมนเดลได้ใช้หลักการของกฎความน่าจะเป็นมาวิเคราะห์ผลการทดลองลักษณะทางพันธุกรรมของถั่วลันเตาที่ได้ปลูกไว้ในรุ่นลูกและรุ่นหลาน
ตัวอย่างการทดลองที่ 1
เมนเดลนำถั่วลันเตาพันธุ์แท้มาผสมกัน เช่น ถั่วลันเตาที่มีเมล็ดสีเขียวมาผสมกับถั่วลันเตาที่มีเมล็ดสีเหลือง
P: Green (GG) x Yellow (gg)
F1: Green (Gg) , Green (Gg) ,
Green (Gg) , Green (Gg) พบว่าในประชากรรุ่น F1 ถั่วลันเตามีเมล็ดสีเขียวทั้งหมด
ดังนั้น ลักษณะเมล็ดสีเขียว เรียกว่าเป็นยีนเด่น และลักษณะเมล็ดสีเหลืองเป็นยีนด้อย และไม่ถูกแสดงออกในรุ่นนี้เนื่องจากยีนด้อยจะถูกยีนเด่นข่มอย่างสมบูรณ์
ณ จุดนั้น Mendel ไม่เข้าใจว่า ลักษณะเมล็ดสีเหลืองหายไปไหนจึงทำการทดลองต่อโดยการนำ F1 มาผสมพันธุ์กัน
F1: Gg x Gg
F2: Green (GG) , Green (Gg) ,
Green (Gg) , Yellow (gg) หรือรุ่น F2 Mendel เก็บสถิติได้ว่า อัตราส่วนจำนวนถั่วลันเตามีเมล็ดสีเขียว ต่อถั่วลันเตามีเมล็ดสีเหลือง เป็น 3:1 เรียกอัตราส่วนนี้ว่า อัตราส่วนฟีโนไทป์ของเมนเดล และเรียกอัตราส่วน 1:2:1 ว่าอัตราส่วนจีโนไทป์ของเมนเดล จากการที่เมนเดลพบว่า ลักษณะเมล็ดสีเหลืองของถั่วเพื่อนเก่ายังถูกถ่ายทอดมายังรุ่น F2 ในอัตราส่วนที่คงที่ จึงสรุปออกมาเป็น
- กฎข้อที่ 1 กฎแห่งการแยก alleles ของคู่โครโมโซมของเซลล์สืบพันธุ์
- กฎข้อที่ 2 ของเมนเดลหรือกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ มาจากการพิจารณาลักษณะทางพันธุกรรม 2 ลักษณะขึ้นไป เช่น
เมื่อเมนเดลเก็บข้อมูลทางสถิติ ของการผสมถั่วลันเตาพันธุ์แท้ที่เป็น "ต้นสูงและเมล็ดสีเขียว (TT GG)"
กับถั่วลันเตาพันธุ์แท้ที่เป็น "ต้นเตี้ยและเมล็ดสีเหลือง (tt gg)" ได้ผลดังต่อไปนี้
P: TT GG x tt gg
F1: TtGg
ถั่วลันเตามีลักษณะเป็นต้นสูงและมีเมล็ดสีเขียวF1: TtGg x TtGg
F2: T-G- , ttG- , T-gg , ttgg
มีฟีโนไทป์ 4 แบบได้แก่ ต้นสูงเมล็ดสีเขียว, ต้นเตี้ยเมล็ดสีเขียว, ต้นสูงเมล็ดสีเหลือง, ต้นเตี้ยเมล็ดสีเหลือง ในอัตราส่วน 9:3:3:1
โดยใช้กฎการบวก และกฎการคูณ ของความน่าจะเป็น
- โอกาสการเกิดฟีโนไทป์ต้นสูงเมล็ดเขียว
= โอกาสการเกิดจีโนไทป์ TTGG + TtGg +
TTGg + TtGG
โอกาสการเกิดจีโนไทป์ T-G- = 1/4x1/4 + 1/2x1/2 + 1/4x1/2 + 1/2x1/4
= 9/16 - โอกาสการเกิดฟีโนไทป์ต้นสูงเมล็ดเหลือง
= โอกาสการเกิดจีโนไทป์ Ttgg + TTgg
= 1/2x1/4 + 1/4x1/4
= 3/16 - โอกาสการเกิดฟีโนไทป์ต้นเตี้ยเมล็ดเขียว
= โอกาสการเกิดจีโนไทป์ ttGg + ttGG
= 1/4x1/2 + 1/4x1/4
= 3/16 - โอกาสการเกิดฟีโนไทป์ต้นเตี้ยเมล็ดเหลือง
= โอกาสการเกิดจีโนไทป์ ttgg
= 1/4x1/4
= 1/16
จึงได้เป็นสัดส่วน 9:3:3:1 ซึ่งอธิบายได้โดยกฎความน่าจะเป็นเมื่อ 2 เหตุการณ์เกี่ยวข้องและเกิดขึ้นอย่างอิสระ ดังนั้นเมนเดลจึงสรุปเป็นกฎข้อที่ 2 โดยกล่าวไว้ว่า
ลักษณะทางพันธุกรรมของเซลล์สืบพันธุ์สามารถรวมกลุ่มกันได้อย่างอิสระ