Modal verb
WH-Question (How to make a question)
Linking verbs, passives, questions
Subject-Verb agreement
Relative clauses
Participal clause
Determiners and quantifiers
Nouns and pronouns
Adjectives and adverbs
Conditional
Preposition
Article (e.g. a, an, the)
Punctuation and Transition signals
Organizing information
Conjunctions
Others

Present simple, continuous, perfect

ยอดวิว 48.7k

แบบฝึกหัด

EASY

Present simple, continuous, perfect (ชุดที่ 1)

MEDIUM

Present simple, continuous, perfect (ชุดที่ 2)

HARD

Present simple, continuous, perfect (ชุดที่ 3)

เนื้อหา

      ภาษาอังกฤษมีรูปแบบในการบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต และ อนาคต แตกต่างกัน สำหรับในบทนี้ จะอธิบายเฉพาะช่วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ simple, continuous, perfect

PRESENT SIMPLE TENSE

      Tense นี้ นับเป็น tense พื้นฐาน เรียกได้ว่า เป็น tense แรกที่เราได้ทำความรู้จักกับภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็ประโยคที่เรามักพูดเป็นแรก ๆ เช่น What is your name? My name is Chujai. จะเห็นว่าเป็นการใช้ present simple tense เพราะเป็นความจริง ถึงแม้บางคนอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อ แต่ในปัจจุบันที่พูดนั้น เราใช้ชื่อนั้นจริงๆ

HOW TO USE :

      ใช้ present simple tense เมื่อต้องการอธิบายถึงเหตุการณ์ดังนี้

  • เรื่องจริงทางวิทยาศาสตร์
  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ เป็นกิจวัตรประจำวัน หรือ สิ่งที่ทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย
  • การอธิบายตารางการเดินทาง, การฉายภาพยนตร์, การบอกรอบการแสดงหรือกิจกรรมที่มีการวางแผนระบุช่วงเวลาไว้อย่างแน่นอน ชัดเจน

FORM : ประโยคบอกเล่า Simple Tense

Subject + V1
  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) จะเป็น V1 คงรูป ---> work

เช่น

I work at a bank.

(ฉันทำงานที่ธนาคาร)

  • ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 (He / She / It) เอกพจน์คำกริยาจะต้องเติม s หรือ es ---> works

เช่น


She works at a bank.

(หล่อนทำงานที่ธนาคาร)


FORM : ประโยคปฏิเสธ Simple Tense

Subject + do / does + not + V. infinitive
  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) do not work เป็น แบบย่อ --> don’t work

เช่น

You don't work at a store.

(คุณไม่ได้ทำงานที่ร้าน)

  • ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 (He / She / It) does not work เป็น แบบย่อ --> doesn’t work

เช่น

He doesn't work at a store.

(เขาไม่ได้ทำงานที่ร้าน)


FORM : ประโยคคำถาม Simple Tense

Do / Does + Subject + V infinitive
  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / you / we / they)

เช่น

Do we work until midnight?

(พวกเราจะทำงานจนถึงเที่ยงคืนเลยเหรอ?)

  • ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 (he / she / it)

เช่น

Does it work until tomorrow?

(มันจะทำงานจนถึงพรุ่งนี้ไหม?)


FORM : ประโยคคำตอบ Simple Tense

  • Yes, (I / you / we / they) do
  • Yes, (he / she / it) does
  • No, (I / you / we / they) do not / don't
  • No, (he / she / it) does not / doesn't
*ประธานและกริยาในประโยคคำตอบจะต้องตรงกับประธานและกริยาในประโยคคำถาม

เช่น

A : Do we work until midnight?
B : Yes, we do.

A : พวกเราจะทำงานจนถึงเที่ยงคืนเลยเหรอ?
B : ใช่แล้ว พวกเราจะทำงานถึงเที่ยงคืน

A : Does it work until tomorrow?
B : Yes, it does.

A : มันจะทำงานจนถึงพรุ่งนี้ไหม?
B : ใช่แล้ว มันทำงานได้

A : Do they like spaghetti?
B : No, they don't.

A : พวกเขาชอบสปาเก็ตตี้รึเปล่า?
B : ไม่ พวกเขาไม่ชอบ

A : Does she like KFC?
B : No, she doesn't.

A : หล่อนชอบ KFC รึเปล่า?
B : ไม่ หล่อนไม่ชอบ


การสะกดคำกริยาในบุรุษที่ 3 เอกพจน์ สำหรับ Simple Tense

กริยาส่วนใหญ่
สามารถเติม s ได้เลย

  • Work เป็น works
  • Sit เป็น sits
  • Stay เป็น stays

คำกริยาที่ลงท้าย
ด้วยพยัญชนะ
แล้วตามด้วย y
ให้เปลี่ยน y เป็น i

  • Cry เป็น cries
  • Hurry เป็น hurries
  • Reply เป็น replies

กริยาที่ลงท้ายด้วย
s z ch sh หรือ x
ให้เติม es

  • Miss เป็น misses
  • Watch เป็น watches
  • Push เป็น pushes

กลุ่มคำกริยา
ที่เปลี่ยนรูปไปเลย

  • Have เป็น has
  • Go เป็น goes
  • Do เป็น does
  • Be เป็น is/am/are
*Useful words*
เมื่อต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่ใช้ present simple tense นั้น มักจะมีคำที่ใช้บอกช่วงเวลาที่สำคัญ ๆ และเห็นได้บ่อย ๆ คือ คำเหล่านี้เราเรียกว่า “frequency adverbs” คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่แสดงความถี่มักจะวางไว้กลางประโยค

Frequency
adverbs

อัตราความถี่

Never

0%

Rarely

5%

Seldom

10%

Occasionally

30%

Sometimes

50%

Often

70%

Usually

90%

Always

100%

มีตำแหน่งการวางในประโยคดังนี้

  • หลังประธาน หน้าคำกริยา :
Subject + frequency adverbs + verb

เช่น      - Karen always tells the truth.
       --> คาเรนจะพูดความจริงตลอด

           - Do you always eat breakfast?
       --> คุณรับประทานอาหารเช้าประจำไหม๊?

  • หลังประธาน และ V. to be :
Subject + v. to be + Frequency adverbs

เช่น      - Karen is always on time.
       --> คาเรนจะตรงเวลาตลอด


PRESENT CONTINUOUS TENSE

      Present Continuous Tense หรือ บางทีก็เรียกกันว่า Present Progressive ซึ่งทั้งสองชื่อ หมายถึง การบรรยายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ขณะที่พูด ให้สังเกตคำว่า “continuous” และ “progressive” ทั้งสองคำนี้ หมายถึง อย่างต่อเนื่อง อย่างที่เป็นกระบวนการขั้นตอนต่อเนื่อง ดังนั้นแล้วการใช้

HOW TO USE :

      ใช้ present continuous tense เมื่อต้องการอธิบายถึงเหตุการณ์ดังนี้

  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่กำลังพูด
  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ดำรงอยู่ตลอดไป
  • แผนการณ์ที่ได้เตรียมไว้แล้ว และจะเกิดขึ้นแน่นอน

FORM : ประโยคบอกเล่า Continuous Tense

Subject + V. to be + V.ing
ประธาน I --> I am working (ฉันกำลังทำงาน)
  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 2 (You / We / They) are working

เช่น 

We are working day and night to finish it in time.

(พวกเราทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้เสร็จทันเวลา)


  • ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 (He / She / It) is working

เช่น 

She is working hard to achieve her goal.

(หล่อนกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเธอ)


FORM : ประโยคปฏิเสธ Continuous Tense

SubjectV. to be + not + V.ing
ประธาน I --> I am not working
(You / We / They) are not working 
เป็น แบบย่อ ได้
(You / We / They) aren’t working
(He / She / It) is not working 
เป็น แบบย่อ ได้
(
He / She / It) isn’t working

FORM : ประโยคคำถาม Continuous Tense

V. to be + SubjectV.ing
ประธาน I --> Am I working?

*กรณีประธานคือตัวผู้พูดเอง คำถามมักจะเป็นการถามตัวเองเพื่อยืนยัน (คุยกับตัวเอง)

  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 2 --> Are (you / we / they) working?

เช่น

Are you working on this holiday?

(นายทำงานในวันหยุดที่จะถึงนี้ไหม?)

*กรณีนี้เป็นการถามเพื่อยืนยันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าเป็นจริงหรือไม่
  • ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 --> Is (he / she / it) working?

เช่น

Is she working overtime?

(หล่อนกำลังทำงานล่วงเวลารึเปล่า)

*กรณีนี้เป็นการถามเพื่อยืนยันว่าช่วงเวลานี้ (ชม. / วัน / เดือน / ปี) หล่อนทำงานล่วงเวลาอยู่รึเปล่า (ไม่แน่ในอนาคตอาจไม่ทำแล้ว)

FORM : ประโยคคำตอบ Continuous Tense

  • Yes, I am (working)
  • Yes, (you / we / they) are (working)
  • Yes, (he / she / it) is (working)
  • No, I am not (working)
  • No, (you / we / they) are not (working)
  • No, (he / she / it) is not (working)
*เช่นเดิมว่าประธานและกริยาในประโยคคำตอบจะต้องตรงกับประธานและกริยาในประโยคคำถาม

เช่น

A : Am I doing this right?
A : Yes, I am (doing this right).
กับ
A : Am I doing this right?
B : Yes, you are (doing this right).
*กรณีแรกจะสังเกตเห็นว่ามีแค่คนเดียวที่ถามและตอบ เป็นการคุยกับตัวเอง แต่กรณีที่สองแม้จะเป็นการถามเพื่อยืนยันเกี่ยวกับตัวเอง ผู้ที่กำลังพูดด้วยก็สามารถตอบได้เช่นกัน
*Useful words*
เมื่อต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่ใช้ present continuous tense นั้น มักจะมีคำที่ใช้บอกช่วงเวลาที่สำคัญ ๆ และเห็นได้บ่อย ๆ คือ now, at this moment

เช่น           

I want you to come here right now!

(ฉันต้องการให้คุณมาที่นี่เดี๋ยวนี้!)

It is at this moment that everyone is angry with him.

(ตอนนี้แหละ คือตอนที่ทุกคนโกรธเขา)


PRESENT PERFECT TENSE

      Tense นี้ เป็นเรื่องที่อาจสร้างความสับสนให้กับคนไทยได้นิดหน่อย เพราะเป็นการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ทำไมถึงไม่ใช้ past simple tense อันนี้หลักการจำง่าย ๆ ก็คือ คำว่า “perfect” อะไรที่ perfect คืออะไรที่สมบูรณ์แบบ สามารถอยู่รอดมาได้ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และจะยังคงมีไปถึงอนาคต

HOW TO USE :

  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และส่งผลมายังปัจจบันขณะที่พูด และมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปในอนาคตด้วย
  • เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ได้ระบุช่วงเวลาไว้ และส่งผลมายังปัจจุบันขณะที่พูด

FORM : ประโยคบอกเล่า Perfect Tense

Subject V. to have + V3 / past participle (V ช่องที่ 3)
  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) have worked

เช่น

They have worked here for 10 years.

(พวกเขาทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 10 ปี แล้ว)


  • ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 (He / She / It) has worked

เช่น

He has only worked for 15 minutes before he got sick.

(เขาเพิ่งจะทำงานได้แค่ 15 นาที ก่อนที่จะมาป่วย)

*คำศัพท์ที่แสดงการกระทำที่ต้องใช้เวลา เช่น work, learn, study สามารถเขียนได้ในรูป Perfect tense และ Perfect continuous tense แต่ยังคงมีความหมายเดียวกัน (แทนกันได้)

FORM : ประโยคปฏิเสธ Perfect Tense

SubjectV. to have + not + V3 / past participle
  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) have not worked เป็น แบบย่อ --> haven’t worked

เช่น

You haven't worked with them yet.

(นายยังไม่เคยได้ทำงานกับพวกเขาเลย)


  • ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 (He / She / It) has not worked เป็น แบบย่อ --> hasn’t worked

เช่น

It hasn't worked for a long time, I'm afraid it's broken.

(มันไม่ทำงานมานานแล้ว ฉันเกรงว่ามันพังแล้วแหละ)

*สังเกต "It is broken" ถึงแม้ broken จะอยู่ในรูป V3 เหมือน Perfect แต่จริง ๆ แล้วมันอยู่ในรูป passive voice เฉย ๆ หมายถึงประธานที่ถูกพูดถึงหรือถูกกระทำ

FORM : ประโยคคำถาม Perfect Tense

V. to have + SubjectV3 / past participle
  • ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 --> Have (I / You / we / they) worked?

เช่น

Have we seen this movie before?

(เราเคยดูหนังเรื่องนี้กันรึเปล่า?)


  • ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 --> Has (he / she / it) worked?

เช่น

Has he gone insane? He's going to get us killed!

(เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า? เขากำลังจะทำให้พวกเราตายกันหมด!)

*สังเกต "get us killed" เช่นเดียวกันกับคำว่า broken ถึงแม้ killed จะอยู่ในรูป V3 เหมือน Perfect แต่จริง ๆ แล้วมันอยู่ในรูป passive voice คือประธาน (us) ถูกฆ่าตาย (killed)

FORM : ประโยคคำตอบ Perfect Tense

  • Yes, (I / you / we / they) have (worked)
  • Yes, (he / she / it) has (worked)
  • No, (I / you / we / they) have not (worked)
  • No, (he / she / it) has not (worked)
*เช่นเดิมว่าประธานและกริยาในประโยคคำตอบจะต้องตรงกับประธานและกริยาในประโยคคำถาม

เช่น
สถานการณ์ [A ซื้อพิซซ่ามาแบ่งเพื่อน ๆ ตอนทำงานกลุ่ม จึงถาม B ว่าได้กินทุกคนรึยัง]

A : Have they eaten my pizza?
B : Yes, they have (eaten it).
C : No, we haven't (eaten it)!

A : พวกเขากินพิซซ่าฉันไปรึยัง?
B : ใช่ เรียบร้อยแล้ว
C : ไม่ พวกเรายังไม่ได้กิน!

*ข้อสังเกต นาย C เพิ่งเข้าร่วมการสนทนาระหว่าง A กับ B และใช้เรียกตัวเองว่า we ซึ่งต่างจาก A กับ B ที่ใช้เรียกพวกนาย C ว่า they เพราะ A กับ B กำลังกล่าวถึงบุคคลที่ 3 (ถูกพูดถึง) ในขณะที่เป็นคนกลุ่มเดียวกันแต่กลายบุคคลที่ 1 (ผู้พูด) ในภายหลัง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนาย B ใช้ประธานตัวเดียวกันกับคำถาม แต่นาย C ไม่ได้ใช้ ซึ่งยังไงก็ตามก็ยังหมายถึงคนกลุ่มเดียวกันอยู่ดี