ภาษาอังกฤษมีรูปแบบในการบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต และ อนาคต แตกต่างกัน สำหรับในบทนี้ จะอธิบายเฉพาะช่วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ simple, continuous, perfect
PRESENT SIMPLE TENSE
Tense นี้ นับเป็น tense พื้นฐาน เรียกได้ว่า เป็น tense แรกที่เราได้ทำความรู้จักกับภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็ประโยคที่เรามักพูดเป็นแรก ๆ เช่น What is your name? My name is Chujai. จะเห็นว่าเป็นการใช้ present simple tense เพราะเป็นความจริง ถึงแม้บางคนอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อ แต่ในปัจจุบันที่พูดนั้น เราใช้ชื่อนั้นจริงๆ
HOW TO USE :
ใช้ present simple tense เมื่อต้องการอธิบายถึงเหตุการณ์ดังนี้
- เรื่องจริงทางวิทยาศาสตร์
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ เป็นกิจวัตรประจำวัน หรือ สิ่งที่ทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย
- การอธิบายตารางการเดินทาง, การฉายภาพยนตร์, การบอกรอบการแสดงหรือกิจกรรมที่มีการวางแผนระบุช่วงเวลาไว้อย่างแน่นอน ชัดเจน
FORM : ประโยคบอกเล่า Simple Tense
Subject + V1- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) จะเป็น V1 คงรูป ---> work
เช่น
I work at a bank.
(ฉันทำงานที่ธนาคาร)
- ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 (He / She / It) เอกพจน์คำกริยาจะต้องเติม s หรือ es ---> works
เช่น
She works at a bank.
(หล่อนทำงานที่ธนาคาร)
FORM : ประโยคปฏิเสธ Simple Tense
Subject + do / does + not + V. infinitive- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) do not work เป็น แบบย่อ --> don’t work
เช่น
You don't work at a store.
(คุณไม่ได้ทำงานที่ร้าน)
- ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 (He / She / It) does not work เป็น แบบย่อ --> doesn’t work
เช่น
He doesn't work at a store.
(เขาไม่ได้ทำงานที่ร้าน)
FORM : ประโยคคำถาม Simple Tense
Do / Does + Subject + V infinitive- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / you / we / they)
เช่น
Do we work until midnight?
(พวกเราจะทำงานจนถึงเที่ยงคืนเลยเหรอ?)
- ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 (he / she / it)
เช่น
Does it work until tomorrow?
(มันจะทำงานจนถึงพรุ่งนี้ไหม?)
FORM : ประโยคคำตอบ Simple Tense
- Yes, (I / you / we / they) do
- Yes, (he / she / it) does
- No, (I / you / we / they) do not / don't
- No, (he / she / it) does not / doesn't
*ประธานและกริยาในประโยคคำตอบจะต้องตรงกับประธานและกริยาในประโยคคำถามเช่น
A : Do we work until midnight?
B : Yes, we do.
A : พวกเราจะทำงานจนถึงเที่ยงคืนเลยเหรอ?
B : ใช่แล้ว พวกเราจะทำงานถึงเที่ยงคืน
A : Does it work until tomorrow?
B : Yes, it does.
A : มันจะทำงานจนถึงพรุ่งนี้ไหม?
B : ใช่แล้ว มันทำงานได้
A : Do they like spaghetti?
B : No, they don't.
A : พวกเขาชอบสปาเก็ตตี้รึเปล่า?
B : ไม่ พวกเขาไม่ชอบ
A : Does she like KFC?
B : No, she doesn't.
A : หล่อนชอบ KFC รึเปล่า?
B : ไม่ หล่อนไม่ชอบ
การสะกดคำกริยาในบุรุษที่ 3 เอกพจน์ สำหรับ Simple Tense
กริยาส่วนใหญ่ สามารถเติม s ได้เลย | - Work เป็น works
- Sit เป็น sits
- Stay เป็น stays
|
คำกริยาที่ลงท้าย ด้วยพยัญชนะ แล้วตามด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i | - Cry เป็น cries
- Hurry เป็น hurries
- Reply เป็น replies
|
กริยาที่ลงท้ายด้วย s z ch sh หรือ x ให้เติม es | - Miss เป็น misses
- Watch เป็น watches
- Push เป็น pushes
|
กลุ่มคำกริยา ที่เปลี่ยนรูปไปเลย | - Have เป็น has
- Go เป็น goes
- Do เป็น does
- Be เป็น is/am/are
|
*Useful words*
เมื่อต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่ใช้ present simple tense นั้น มักจะมีคำที่ใช้บอกช่วงเวลาที่สำคัญ ๆ และเห็นได้บ่อย ๆ คือ คำเหล่านี้เราเรียกว่า “frequency adverbs” คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่แสดงความถี่มักจะวางไว้กลางประโยคFrequency adverbs | อัตราความถี่ |
Never | 0% |
Rarely | 5% |
Seldom | 10% |
Occasionally | 30% |
Sometimes | 50% |
Often | 70% |
Usually | 90% |
Always | 100% |
มีตำแหน่งการวางในประโยคดังนี้
Subject + frequency adverbs + verbเช่น - Karen always tells the truth.
--> คาเรนจะพูดความจริงตลอด
- Do you always eat breakfast?
--> คุณรับประทานอาหารเช้าประจำไหม๊?
- หลังประธาน และ V. to be :
Subject + v. to be + Frequency adverbsเช่น - Karen is always on time.
--> คาเรนจะตรงเวลาตลอด
PRESENT CONTINUOUS TENSE
Present Continuous Tense หรือ บางทีก็เรียกกันว่า Present Progressive ซึ่งทั้งสองชื่อ หมายถึง การบรรยายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ขณะที่พูด ให้สังเกตคำว่า “continuous” และ “progressive” ทั้งสองคำนี้ หมายถึง อย่างต่อเนื่อง อย่างที่เป็นกระบวนการขั้นตอนต่อเนื่อง ดังนั้นแล้วการใช้
HOW TO USE :
ใช้ present continuous tense เมื่อต้องการอธิบายถึงเหตุการณ์ดังนี้
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่กำลังพูด
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ดำรงอยู่ตลอดไป
- แผนการณ์ที่ได้เตรียมไว้แล้ว และจะเกิดขึ้นแน่นอน
FORM : ประโยคบอกเล่า Continuous Tense
Subject + V. to be + V.ingประธาน I --> I am working (ฉันกำลังทำงาน)- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 2 (You / We / They) are working
เช่น
We are working day and night to finish it in time.
(พวกเราทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้เสร็จทันเวลา)
- ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 (He / She / It) is working
เช่น
She is working hard to achieve her goal.
(หล่อนกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเธอ)
FORM : ประโยคปฏิเสธ Continuous Tense
Subject + V. to be + not + V.ingประธาน I --> I am not working(You / We / They) are not working
เป็น แบบย่อ ได้
(You / We / They) aren’t working(He / She / It) is not working
เป็น แบบย่อ ได้
(He / She / It) isn’t working
FORM : ประโยคคำถาม Continuous Tense
V. to be + Subject + V.ingประธาน I --> Am I working?*กรณีประธานคือตัวผู้พูดเอง คำถามมักจะเป็นการถามตัวเองเพื่อยืนยัน (คุยกับตัวเอง)
- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 2 --> Are (you / we / they) working?
เช่น
Are you working on this holiday?
(นายทำงานในวันหยุดที่จะถึงนี้ไหม?)
*กรณีนี้เป็นการถามเพื่อยืนยันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าเป็นจริงหรือไม่- ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 --> Is (he / she / it) working?
เช่น
Is she working overtime?
(หล่อนกำลังทำงานล่วงเวลารึเปล่า)
*กรณีนี้เป็นการถามเพื่อยืนยันว่าช่วงเวลานี้ (ชม. / วัน / เดือน / ปี) หล่อนทำงานล่วงเวลาอยู่รึเปล่า (ไม่แน่ในอนาคตอาจไม่ทำแล้ว)
FORM : ประโยคคำตอบ Continuous Tense
- Yes, I am (working)
- Yes, (you / we / they) are (working)
- Yes, (he / she / it) is (working)
- No, I am not (working)
- No, (you / we / they) are not (working)
- No, (he / she / it) is not (working)
*เช่นเดิมว่าประธานและกริยาในประโยคคำตอบจะต้องตรงกับประธานและกริยาในประโยคคำถามเช่น
A : Am I doing this right?
A : Yes, I am (doing this right).
กับ
A : Am I doing this right?
B : Yes, you are (doing this right).
*กรณีแรกจะสังเกตเห็นว่ามีแค่คนเดียวที่ถามและตอบ เป็นการคุยกับตัวเอง แต่กรณีที่สองแม้จะเป็นการถามเพื่อยืนยันเกี่ยวกับตัวเอง ผู้ที่กำลังพูดด้วยก็สามารถตอบได้เช่นกัน*Useful words*
เมื่อต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่ใช้ present continuous tense นั้น มักจะมีคำที่ใช้บอกช่วงเวลาที่สำคัญ ๆ และเห็นได้บ่อย ๆ คือ now, at this momentเช่น
I want you to come here right now!
(ฉันต้องการให้คุณมาที่นี่เดี๋ยวนี้!)
It is at this moment that everyone is angry with him.
(ตอนนี้แหละ คือตอนที่ทุกคนโกรธเขา)
PRESENT PERFECT TENSE
Tense นี้ เป็นเรื่องที่อาจสร้างความสับสนให้กับคนไทยได้นิดหน่อย เพราะเป็นการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ทำไมถึงไม่ใช้ past simple tense อันนี้หลักการจำง่าย ๆ ก็คือ คำว่า “perfect” อะไรที่ perfect คืออะไรที่สมบูรณ์แบบ สามารถอยู่รอดมาได้ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และจะยังคงมีไปถึงอนาคต
HOW TO USE :
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และส่งผลมายังปัจจบันขณะที่พูด และมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปในอนาคตด้วย
- เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ได้ระบุช่วงเวลาไว้ และส่งผลมายังปัจจุบันขณะที่พูด
FORM : ประโยคบอกเล่า Perfect Tense
Subject + V. to have + V3 / past participle (V ช่องที่ 3)- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) have worked
เช่น
They have worked here for 10 years.
(พวกเขาทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 10 ปี แล้ว)
- ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 (He / She / It) has worked
เช่น
He has only worked for 15 minutes before he got sick.
(เขาเพิ่งจะทำงานได้แค่ 15 นาที ก่อนที่จะมาป่วย)
*คำศัพท์ที่แสดงการกระทำที่ต้องใช้เวลา เช่น work, learn, study สามารถเขียนได้ในรูป Perfect tense และ Perfect continuous tense แต่ยังคงมีความหมายเดียวกัน (แทนกันได้)
FORM : ประโยคปฏิเสธ Perfect Tense
Subject + V. to have + not + V3 / past participle- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 (I / You / We / They) have not worked เป็น แบบย่อ --> haven’t worked
เช่น
You haven't worked with them yet.
(นายยังไม่เคยได้ทำงานกับพวกเขาเลย)
- ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 (He / She / It) has not worked เป็น แบบย่อ --> hasn’t worked
เช่น
It hasn't worked for a long time, I'm afraid it's broken.
(มันไม่ทำงานมานานแล้ว ฉันเกรงว่ามันพังแล้วแหละ)
*สังเกต "It is broken" ถึงแม้ broken จะอยู่ในรูป V3 เหมือน Perfect แต่จริง ๆ แล้วมันอยู่ในรูป passive voice เฉย ๆ หมายถึงประธานที่ถูกพูดถึงหรือถูกกระทำ
FORM : ประโยคคำถาม Perfect Tense
V. to have + Subject + V3 / past participle- ประธานพหูพจน์ และสรรพนามบุรุษที่ 1 --> Have (I / You / we / they) worked?
เช่น
Have we seen this movie before?
(เราเคยดูหนังเรื่องนี้กันรึเปล่า?)
- ประธานเอกพจน์ สรรพนามบุรุษที่ 3 --> Has (he / she / it) worked?
เช่น
Has he gone insane? He's going to get us killed!
(เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า? เขากำลังจะทำให้พวกเราตายกันหมด!)
*สังเกต "get us killed" เช่นเดียวกันกับคำว่า broken ถึงแม้ killed จะอยู่ในรูป V3 เหมือน Perfect แต่จริง ๆ แล้วมันอยู่ในรูป passive voice คือประธาน (us) ถูกฆ่าตาย (killed)
FORM : ประโยคคำตอบ Perfect Tense
- Yes, (I / you / we / they) have (worked)
- Yes, (he / she / it) has (worked)
- No, (I / you / we / they) have not (worked)
- No, (he / she / it) has not (worked)
*เช่นเดิมว่าประธานและกริยาในประโยคคำตอบจะต้องตรงกับประธานและกริยาในประโยคคำถามเช่น
สถานการณ์ [A ซื้อพิซซ่ามาแบ่งเพื่อน ๆ ตอนทำงานกลุ่ม จึงถาม B ว่าได้กินทุกคนรึยัง]
A : Have they eaten my pizza?
B : Yes, they have (eaten it).
C : No, we haven't (eaten it)!
A : พวกเขากินพิซซ่าฉันไปรึยัง?
B : ใช่ เรียบร้อยแล้ว
C : ไม่ พวกเรายังไม่ได้กิน!
*ข้อสังเกต นาย C เพิ่งเข้าร่วมการสนทนาระหว่าง A กับ B และใช้เรียกตัวเองว่า we ซึ่งต่างจาก A กับ B ที่ใช้เรียกพวกนาย C ว่า they เพราะ A กับ B กำลังกล่าวถึงบุคคลที่ 3 (ถูกพูดถึง) ในขณะที่เป็นคนกลุ่มเดียวกันแต่กลายบุคคลที่ 1 (ผู้พูด) ในภายหลัง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนาย B ใช้ประธานตัวเดียวกันกับคำถาม แต่นาย C ไม่ได้ใช้ ซึ่งยังไงก็ตามก็ยังหมายถึงคนกลุ่มเดียวกันอยู่ดี