ลำดับและอนุกรม
ความหมายลำดับ
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การหาพจน์เจาะจงของลำดับ
PAT
ออกสอบ
น้อย
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การหาพจน์ทั่วไปของลำดับ
PAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
การหาพจน์ทั่วไปของลำดับโดยใช้ฟังก์ชันพหุนาม
PAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ลำดับเลขคณิต
PAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
100%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
33%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ลำดับเรขาคณิต
PAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
100%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
100%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อนุกรม/อนุกรมเลขคณิต
PAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
100%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
น้อย
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
อนุกรมเรขาคณิต
PAT
ออกสอบ
67%
O-NET
ออกสอบ
67%
วิชาสามัญ
ออกสอบ
100%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย
ลิมิตของลำดับอนันต์
PAT
ออกสอบ
33%
O-NET
ออกสอบ
น้อย
วิชาสามัญ
ออกสอบ
67%
A-LEVEL
ออกสอบ
น้อย

การหาพจน์ทั่วไปของลำดับโดยใช้ฟังก์ชันพหุนาม

ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

การหาพจน์ทั่วไปของลำดับโดยใช้ฟังก์ชันพหุนาม

MEDIUM

การหาพจน์ทั่วไปของลำดับโดยใช้ฟังก์ชันพหุนาม

HARD

การหาพจน์ทั่วไปของลำดับโดยใช้ฟังก์ชันพหุนาม

เนื้อหา

การหาพจน์ทั่วไปของ
ลำดับโดยใช้ฟังก์ชันพหุนาม

การหาพจน์ทั่วไปของลำดับโดยใช้การสังเกต
ความสัมพันธ์ของแต่ละพจน์กับลำดับของพจน์บางครั้งอาจไม่เหมาะกับความสัมพันธ์ที่มีความซับซ้อนมาก
อีกวิธีที่นิยมใช้กันมากคือ การใช้ฟังก์ชันพหุนามหาพจน์ทั่วไป ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้จากทฎษฎีบทต่อไปนี้

ทฤษฎีบท 1 (Polynomial Difference Theorem)

ฟังก์ชัน f จะเป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรี n ก็ต่อเมื่อ
สำหรับค่า x ที่เป็นจำนวนเต็มที่เรียงติดกัน ผลต่าง
ของค่าของฟังก์ชันเป็นค่าคงตัวครั้งที่ n มีค่าเท่ากัน
ซึ่งไม่เท่ากับศูนย์และผลต่างของค่าของฟังก์ชัน
ครั้งที่ n minus 1 มีค่าไม่เท่ากัน

ตัวอย่าง 1 ให้ f left parenthesis n right parenthesis equals n squared plus 2 n plus 3

พิจารณาค่าของ f left parenthesis n right parenthesis และผลต่างของ f left parenthesis n right parenthesis 
เมื่อ n equals negative 1 comma 0 comma 1 comma 2 comma 3 comma 4 comma 5 ดังนี้
      blank

จะเห็นว่า ฟังก์ชันที่กำหนดให้เป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรี 2 มีผลต่างครั้งที่สองเป็นค่าคงตัวเท่ากับ 2
ซึ่งไม่เท่ากับศูนย์ และ ผลต่างครั้งที่ 1 มีค่าไม่เท่ากัน

ตัวอย่าง 2 จงหาพจน์ทั่วไปของลำดับ
             3 comma 7 comma 11 comma 15 comma 19 comma 23 comma... 

พิจารณาความสัมพันธ์ของพจน์ในลำดับ ดังแผนภาพ

จากแผนภาพ พบว่า ผลต่างครั้งที่หนึ่งเป็นค่าคงตัวที่เท่ากับ 4 ซึ่งไม่เท่ากับศูนย์ ดังนั้น พจน์ทั่วไป คือ ฟังก์ชันพหุนามดีกรี 1 นั่นคือ
         a subscript n equals n x plus y
         a subscript 1 equals 3 equals x plus y … (1)
         a subscript 2 equals 7 equals 2 x plus y... (2)
จากสมการ (1) จะได้ x equals 3 minus y... (3)
แทนสมการ (3) ใน สมการ (2) จะได้
          7 equals 2 left parenthesis 3 minus y right parenthesis plus y
          y equals negative 1
แทน y equals negative 1 ในสมการ (3) จะได้
          x equals 3 minus left parenthesis negative 1 right parenthesis
space space equals 4
ดังนั้น พจน์ทั่วไป คือ a subscript n equals 4 n minus 1

ตัวอย่าง 3 จงหาพจน์ทั่วไปของลำดับ 1 comma 2 comma 5 comma 10 comma 17 comma...

วิธีทำ พิจารณาความสัมพันธ์ของพจน์ในลำดับ ดังแผนภาพ


จากแผนภาพ พบว่า ผลต่างครั้งที่ 2 เป็นค่าคงตัวที่เท่ากับ 2 ซึ่งไม่เท่ากับศูนย์ และผลต่างครั้งที่ 1 มีค่าไม่เท่ากัน ดังนั้น พจน์ทั่วไป คือ ฟังก์ชันพหุนามดีกรี 2 ในรูป
       a subscript n equals x n squared plus y n plus z
a subscript 1 equals 1 equals x plus y plus z space space space space space space space... open parentheses 1 close parentheses
a subscript 2 equals 2 equals 4 x plus 2 y plus z space space space... open parentheses 2 close parentheses
a subscript 3 equals 5 equals 9 x plus 3 y plus z space space space... open parentheses 3 close parentheses

สมการ (2) – สมการ (1) จะได้
       3 x plus y equals 1 space space space... open parentheses 4 close parentheses

สมการ (3) – สมการ (1) ได้ 
       8 x plus 2 y equals 4 space space... open parentheses 5 close parentheses

จากสมการ (4) จะได้  y equals 1 minus 3 x space... open parentheses 6 close parentheses
แทนสมการ (6) ในสมการ (5) จะได้  8 x plus 2 left parenthesis 1 minus 3 x right parenthesis equals 4
ดังนั้น    x equals 1
แทน x equals 1 ในสมการ (4) จะได้  y equals negative 2
แทน x equals 1 และ y equals negative 2 ในสมการ (1)
จะได้     z equals 2
ดังนั้น พจน์ทั่วไป คือ  a subscript n equals n squared minus 2 n plus 2