โมเลกุลของแก๊สแต่ละตัวเคลื่อนที่แบบ random
และมีอัตราเร็วไม่เท่ากัน เราจึงจำเป็นต้องใช้สถิติ
เพื่อหาค่าเฉลี่ยของอัตราเร็วของโมเลกุลเหล่านี้
สำหรับแก๊สอะตอมเดี่ยว (เช่น He, Ar, Ne) พบว่าพลังงานจลน์เฉลี่ยของแก๊สเป็นไปตามสมการ
สังเกตว่าพลังงานจลน์เฉลี่ยแปรผันตรงกับอุณหภูมิ
สำหรับแก๊สอะตอมคู่ (เช่น O2) ที่อุณหภูมิไม่สูงมากนัก สัมประสิทธิ์ตัวเลขด้านหน้าจะเป็น 5/2
พลังงานจลน์รวมของโมเลกุลของแก๊สสามารถหาได้จากการนำค่าเฉลี่ยมาคูณด้วยจำนวนโมเลกุล
จากสมการพลังงานจลน์ เราสามารถเขียนพลังงานจลน์เฉลี่ย
โดยที่ คือ อัตราเร็วกำลังสองเฉลี่ย
นิยามอัตราเร็วรากที่สองของกำลังสองเฉลี่ย (root-mean-square speed) vrms โดย
ในเครื่องจักรความร้อน เราเปลี่ยนความร้อนให้เป็นงาน เครื่องจักเหล่านี้ใช้ประโยชน์ ในการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางอวกาศ และยังใช้เดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า ทำให้เรามีไฟฟ้าใช้
เครื่องยนต์ซึ่งทำงานเป็นวัฏจักรการเคลื่อนไหวของลูกสูบสี่ขั้นตอน รถยนต์ส่วนมากมีเครื่องยนต์แบบใช้น้ำมันสี่จังหวะ การเคลื่อนไหวแบบสี่จังหวะเริ่มต้นด้วย (1) จังหวะดูด (induction stroke) ลิ้นเชื้อเพลิง (ลิ้นไอดี) เปิดขณะที่ลูกสูบเคลื่อนลงดูดเอาเชื้อเพลิง (ไอน้ำมันและอากาศ) เข้าสู่กระบอกสูบ (2) จังหวะอัด (compression stroke) ลิ้นจะปิดและลูกสูบเคลื่อนขึ้น อัดเชื้อเพลิงไว้ (3) จังหวะกำลัง (power strode) หัวเทียนจุดระเบิดเชื้อเพลิง ทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ความร้อนที่เกิดขึ้นทำให้ก๊าซในกระบอกสูบขยายตัวดันลูกสูบเคลื่อนลงมาเพื่อทำงาน เช่น ขับเคลื่อนล้อรถ (4) จังหวะคาย (exhaust strode) ลิ้นไอเสียเปิดขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นขับไล่ก๊าซเสียออกไป
เครื่องยนต์ซึ่งทำงานเป็นวัฏจักรการเคลื่อนไหวของลูกสูบสองขั้นตอน รถจักรยานยนต์จำนวนมากมีเครื่องยนต์แบบสองจังหวะ ลูกสูบจะเคลื่อนไหวเพื่อเปิด และปิดช่องหรือพอร์ท (port) ในกระบอกสูบเมื่อลูกสูบเลื่อนขึ้นใน จังหวะที่หนึ่ง (1) เชื้อเพลิงซึ่งอยู่เหนือลูกสูบจะถูกอัด แล้วถูกจุดระเบิด โดยหัวเทียนในขณะที่เชื้อเพลิงใหม่ผ่านช่องเชื้อเพลิงเข้ามาในบริเวรณใต้ลูกสูบที่เลื่อนขึ้นนั้น ในจังหวะที่สอง (2) ลูกสูบถูกดันลง ปล่อยให้ก๊าซเสียระบายออกไป และดันเชื้อเพลิงใต้ลูกสูบขึ้นสู่บริเวณเหนือลูกสูบโดยผ่านช่องถ่ายโอน
เครื่องจักรที่ทำงานโดยใช้ไอน้ำร้อนขับดัน รถไฟสมัยโบราณได้กำลังจากเครื่องจักรไอน้ำ ในเครื่องจักรไอน้ำ ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นลง (หรือเดินหน้าและถอยหลัง) อยู่ในกระบอกสูบเช่นเดียวกับลูกสูบในเครื่องยนต์ของรถยนต์ ไอน้ำร้อนที่มีความดันสูงจะไหลจากหม้อต้มน้ำไปยังกระบอกสูบ แล้วไอน้ำนี้จะขยายตัวดันลูกสูบทำให้ได้กำลังงานออกมา ในกังหันไอน้ำ (steam turbine) ไอน้ำที่ขยายตัวจะผลักให้ใบพัดหมุน และโดยเหตุที่กังหันไอน้ำมีใบพัดหลายชุด สำหรับทำงานที่ความดันไอสูง ปานกลาง และต่ำ กังหันจึงได้กำลังจากไอน้ำเต็มที่
เครื่องยนต์ซึ่งพ่นอากาศออกไปด้วยความเร็วสูง
เครื่องบินส่วนมากใช้เครื่องบนต์แบบเจ็ต เครื่องยนต์เจ็ตคือกังหันก๊าซซึ่งใช้พาราฟินเป็นเชื้อเพลิงและขับดันเฉพาะเครื่องอัดเท่านั้น ในขณะที่เครื่องยนต์เผาผลาญเชื้อเพลิงจะมีพวยอากาศร้อนและก๊าซอื่น ๆ ถูกขับออกจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์และผลักดันเครื่องยนต์ไปข้างหน้า เทอร์โปแฟน (turbofan) คือเครื่องยนต์เจ็ตที่มีพัดลมอันใหญ่อยู่ข้างหน้าพัดลมจะพัดให้อากาศที่อยู่รอบ ๆ กังหันก๊าซเข้ามารวมกับพวยอากาศทางด้านหลัง เป็นการเพิ่มแรงผลักดันของเครื่องยนต์
ไอน้ำในกาศที่เกิดจากการระเหยของน้ำ จะประพฤติตัวเหมือนกับแก๊ส คือมีความดัน ซึ่งเรียกว่าความดันไอ ที่อุณหภูมิหนึ่งๆ ความดันไอน้ำจะมีค่าสูงสุดค่าหนึ่ง เรียกว่า ความดันไออิ่มตัว และถ้าความดันสูงขึ้นโมเลกุลของไอน้ำจะอยู่ใกล้กันมากขึ้นแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลจะทำให้โมเลกุลของน้ำจับตัวกันกลายเป็นหยดน้ำตกลงมายังแหล่งน้ำเดิม
อุณหภูมิ | ความดันไออิ่มตัวของน้ำ |
0 10 20 30 40 50 60 70 80 85 90 92 94 96 98 100 | 0.0060 0.0121 0.230 0.0417 0.0725 0.1214 0.1963 0.3073 0.4672 0.5704 0.6919 0.7462 0.8039 0.8654 0.9306 1.000 |
นักฟิสิกส์กรีก (ศตวรรษแรกของคริสต์ศักราช) ฮีโร่หรือฮีรอน ได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำเครื่องแรกขึ้นมา เรียกว่า แอโอลิไพล์ ประกอบด้วย หม้อต้มน้ำอยู่ใต้ทรงกลมกลวงที่มีช่องระบายอากาศสองช่อง ไอน้ำจะมาตามท่อ เข้าสู๋ทรงกลม แล้วพุ่งออกจากช่องระบายทั้งสองทำให้ทรงกลมหมุนได้ แอโอลิไพล์นี้ไม่ได้มีการนำมาใช้งานจริงแต่อย่างใด
นับจากปี ค.ศ. 1700 เป็นต้นมาได้มีการพัฒนาเครื่องจักรไอน้ำขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยในปี ค.ศ. 1768 เจมส์ วัตต์ ได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำ ที่มีประสิทธิภาพขึ้นเป็นครั้งแรก นำไปสู่พัฒนาการต่อๆมาจนสามารถขับเคลื่อนเครื่องจักรได้ทุกชนิด หน่อยเอสไอของกำลัง คือวัตต์ ตั้งตามชื่อของเขา
แฟรงค์ วิทเทิล มีแนวคิดเรื่องเครื่องยนต์เจ็ต ในปี ค.ศ. 1929 และได้ทดลองสร้างเครื่องยนต์นี้ขึ้นอย่างไรก็ตาม เครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์เจ็ต ลำแรกสร้างในประเทศเยอรมนี ในปี ค.ศ. 1939 เครื่องยนต์ของวิทเทิลเองถูกนำมาใช้ในเครื่องบินเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1941 และถือเป็นต้นแบบของเครื่องยนต์เจ็ตยุคใหม่
เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นแรกสุดใช้ก๊าซถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ในปี ค.ศ. 1883 เดมเลอร์ได้สร้างเครื่องยนต์แบบใช้น้ำมันที่ใช้งานได้เป็นเครื่องแรก สองปีต่อมา เครื่องยนต์นี้จึงมีการนำมาใช้กับรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel Engine)
ชื่อของเขากลายมาเป็นชื่อเครื่องยนต์ที่เขาได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ถูกขับเคลื่อนจากแรงกระตุ้นทางสังคมวิทยามากกว่าทางเงินตรา ในเวลานั้น การปฏิวัติทางอุตสาหกรรมกำลังอยู่ในยุคสูงสุดความฝันของดีเซลในการสร้างเครื่องยนต์ ที่ช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นจากระบวนการใช้แรงงานเกี่ยวข้องกับเครื่องจักรอื่น ๆ รวมถึงเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊ส เขาต้องการให้ผู้คนตัดสินใจใช้วิถีชีวิตด้วยตัวเอง มากกว่าจะให้เครื่องจักรที่พวกเขาสรรค์สร้างขึ้นตัดสินใจแทนตัวพวกเขา