คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม

ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม (ชุดที่ ๑)

MEDIUM

คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม (ชุดที่ ๒)

HARD

คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม (ชุดที่ ๓)

เนื้อหา

คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม


คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม จำแนกเป็น ๒ ด้านหลัก ๆ คือ ด้านสังคมและวัฒนธรรม และด้านวรรณศิลป์


๑. คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม

วรรณคดีและวรรณกรรมไทยส่วนใหญ่ ปรากฏคุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรมที่สำคัญ ดังนี้

๑.๑ การสะท้อนภาพสังคมและวัฒนธรรม
     ของสังคมไทยในแต่ละสมัย
 

  • การสะท้อนความเชื่อ

บทประพันธ์

ความเชื่อ

ถึงอับจนผลกรรมได้ทำมา             

จะก้มหน้าหนีไปในไพรวัน

เรื่องกรรม

งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม

ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว

ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย

ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง

  เรื่องนรกหรือกรรม  

ซึ่งฝันว่าได้ดอกบัวชม

จะได้คู่สู่สมพิสมัย

เรื่องฝันบอกเหตุ

แมงมุมทุบอกอยู่ริมฝา

หวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวมรณา

เรื่องลางบอกเหตุ

ลุกออกจากห้องของสมภาร

อธิษฐานแล้วก็เสกขี้ผึ้งสี 

เรื่องไสยศาสตร์

ขวัญมาอยู่สู่กายให้สบายใจ       

ชมช้างม้าข้าไททั้งเงินทอง 

เรื่องขวัญ


  • การสะท้อนค่านิยม

ค่านิยม คือ สิ่งที่บุคคลหรือสังคมยึดถือเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ และกำหนดการกระทำของตนเอง ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัย

บทประพันธ์

ค่านิยม

ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์

บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล

สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล

จึงจะพ้นภัยพาลการนินทา

เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด   

ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า

แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา    

จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง

เรื่องการรักนวลสงวนตัว

เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ  
นอบนบใจใสสุทธิ์
 

อาสาเจ้าจนตัวตาย

เรื่องความจงรักภักดี
ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

   นาคีมิพิษเพี้ยง     สุริโย

เลื้อยบ่ทำเดโช        แช่มช้า

พิษน้อยหยิ่งโยโส    แมลงป่อง

ชูแต่หางเองอ้า      อวดอ้างฤทธี

เรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน

 

  • การสะท้อนขนบธรรมเนียม ประเพณี
    และวัฒนธรรมอื่นๆ

     
    • สะท้อนธรรมเนียมการปฏิบัติตน
      เมื่อเข้าเฝ้าฯ เจ้านาย


                เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ
                ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
    • สะท้อนประเพณีไทย

                ทีนี้จะกล่าวถึงเรื่องเมืองสุพรรณ   
                ยามสงกรานต์คนนั้นก็พร้อมหน้า
                จะทำบุญให้ทานการศรัทธา         
                ต่างมาที่วัดป่าเลไลยก์
                หญิงชายน้อยใหญ่ไปแออัด         
                ขนทรายเข้าวัดอยู่ขวักไขว่
                ก่อพระเจดีย์ทรายเรี่ยรายไป         
                จะเลี้ยงพระกะไว้ในพรุ่งนี้
    • สะท้อนวัฒนธรรมการแต่งกาย

                เพียนทองงามดั่งทอง   
                ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
                กระแหแหห่างชาย       
                ดุจสายสวาทคลาดจากสม


๑.๒ การให้ข้อคิดหรือคติธรรมสำหรับ
     นำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต 

  • ข้อคิดเรื่องการระวังคำพูด 
          ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์          
          มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
          แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร        
          จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา


  • ข้อคิดเรื่องการทำความดี
          พฤษภกาสร                  
          อีกกุญชรอันปลดปลง
          
โททนต์เสน่งคง              
          สำคัญหมายในกายมี
          
นรชาติวางวาย               
          มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
          
สถิตทั่วแต่ชั่วดี              
          ประดับไว้ในโลกา


  • ข้อคิดเรื่องการไว้วางใจคน
          แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์          
          มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
          ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด       
          ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน



๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คือ คุณค่าเกี่ยวกับความงาม อันเกิดจาก “วรรณศิลป์”  หรือศิลปะในการประพันธ์ ซึ่งมีศิลปะในการประพันธ์ที่สำคัญ ดังนี้

๒.๑ การเล่นเสียง

แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ได้แก่

  • การเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะ คือ การใช้พยางค์ที่มีเสียงพยัญชนะต้นเสียงเดียวกันในตำแหน่งใกล้กัน แต่ต้องไม่ใช่พยางค์ที่ออกเสียงเหมือนกันทั้งพยางค์ เช่น   

        ความสุขและความสงบ  จะประสบแก่ทุกท่าน
  • การเล่นเสียงสัมผัสสระ คือ การใช้พยางค์ที่มีเสียงสระเสียงเดียวกัน กรณีที่มีพยัญชนะท้ายต้องเป็นพยัญชนะท้ายเสียงเดียวกัน อยู่ในตำแหน่งใกล้กัน แต่ต้องไม่ใช่พยางค์ที่ออกเสียงเหมือนกันทั้งพยางค์ เช่น

    นกเขาผินบินข้ามภูเขาเขียว  แว็บเดียวถึงป่าที่อาศัย
  • การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การไล่ระดับเสียงวรรณยุกต์ขึ้นหรือลง โดยต้องเป็นวรรณยุกต์ที่อยู่ติดกันอย่าง เอก-โท-ตรี หรือ โท-เอก-สามัญ เช่น

              จิบจับเจาเจ่าเจ้า       รังมา
              จอกจาบจั่นจรรจา     จ่าจ้า
              เค้าค้อยค่อยคอยหา  เห็นโทษ...

 

๒.๒ การเล่นคำ

  • การเล่นคำพ้องเสียง  คือ การใช้คำที่มีเสียงเหมือนกัน แต่มีรูปคำและความหมายต่างกัน เช่น

    เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี   เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา

  • การเล่นคำพ้องทั้งเสียงและรูป  คือ การใช้คำที่มีเสียงและรูปเหมือนกัน แต่มีความหมายต่างกัน เช่น

    เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ำระกำแฝง
    ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
    เหมือนโศกพี่ที่ช้ำระกำเจือ
    เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย
  • การเล่นคำซ้ำ หรือ ซ้ำคำ  คือ การใช้คำเดียวกันหลายแห่ง เช่น

    เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว     คลับคล้ายเรียมเหลียว

๒.๓ การใช้คำถามเชิงวาทศิลป์ หรือ ปฏิปุจฉา

คือ การใช้คำที่มีนัยถามให้คิด แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบจากคำถามนั้น กวีใช้ในการประพันธ์เพื่อต้องการเสียดสีหรือเน้นย้ำบางสิ่งบางอย่าง เช่น

          กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ        
          จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
          เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น            
          คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น

 
๒.๔ การใช้ภาพพจน์

ประเภท

ลักษณะ

ตัวอย่าง

อุปมา

เปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่า
เหมือนอีกสิ่งหนึ่ง โดย
ใช้คำว่า “เหมือน” หรือ
คำที่มีความหมายใน
ทำนองนี้แสดงการเปรียบ

ตาเหมือนตามฤคมาศ
พิศคิ้วพระลอราช
ประดุจแก้วเกาทัณฑ์
ก่งนา

อุปลักษณ์

เปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่า
เป็นอีกสิ่งหนึ่ง 
มักมี
คำว่า
เป็น หรือ
“คือ” แสดงการเปรียบ

- ทหารเป็นรั้วของชาติ

- พิศอ่อนคือศศิธร 
  แจ่มฟ้า

นามนัย

ใช้ส่วนย่อยหรือจุดเด่นแทน
ความหมายของ
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ว่านครรามินทร์
ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช
เยียววิวาทชิงฉัตร

(ฉัตร = ราชบัลลังก์)

บุคคลวัต

การทำให้สิ่งที่ไม่ใช่
คนมีกิริยาอาการเหมือนคน

เสด็จทรงรถแก้วโกสีย์
ไพโรจน์รูจี  
จะแข่งซึ่งแสงสุริย์ใส

(“แข่ง” เป็นอาการ
ของคน)

อติพจน์

กล่าวเกินจริง

ตราบขุนคิริข้น  
ขาดสลาย แลแม่
รักบ่หายตราบหาย
หกฟ้า

สัทพจน์

ใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ

ขุนมอญร่อนง้าวฟาด   
ฉาดฉะ
ขาดแล่งตราบอุระ       
หรุบดิ้น

(“ฉาดฉะ” เป็นเสียง
ของแข็งกระทบกัน)

สัญลักษณ์

การใช้สิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง

"ดอกมะลิ"แทน วันแม่

"ดอกกุหลาบ" แทน ความรัก

"กา" แทน คนต่ำศักดิ์

"หงส์" แทน คนสูงศักดิ์

ปฏิพากย์

การนำคำที่มีความหมายตรงข้ามกัน มาเขียนไว้ด้วยกัน

จากความมืดสู่สว่างกระจ่างแจ้ง

จากร้อนกลายเป็นเย็น

ทีมผู้จัดทำ