การแต่งคำประพันธ์ร้อยกรอง

ยอดวิว 0

แบบฝึกหัด

EASY

การแต่งคำประพันธ์ร้อยกรอง (ชุดที่ ๑)

MEDIUM

การแต่งคำประพันธ์ร้อยกรอง (ชุดที่ ๒)

HARD

การแต่งคำประพันธ์ร้อยกรอง (ชุดที่ ๓)

เนื้อหา

การแต่งคำประพันธ์ร้อยกรอง


ร้อยกรอง
คือ คำประพันธ์ที่มีข้อบังคับทางฉันทลักษณ์ ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะร้อยกรองที่ต้องศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย คือ โคลงสี่สุภาพ ร่ายสุภาพ และฉันท์

๑. โคลงสี่สุภาพ


ข้อบังคับในการแต่งโคลงสี่สุภาพ

  • ๑ บท มี ๔ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค แบ่งเป็น “วรรคหน้า” กับ “วรรคหลัง”
  • วรรคหน้าของบาทที่ ๑ - ๔ มีจำนวน ๕ คำ วรรคหลังของบาทที่ ๑ - ๓ มีจำนวน ๒ คำ ส่วนวรรคหลังของบาทที่ ๔ มีจำนวน ๔ คำ ทั้งนี้วรรคหลังของบาทที่ ๑  ๒ และ ๔ อาจมีคำสร้อยเพิ่มได้อีก ๒ คำ
  • มีคำเอก ๗ คำ คำโท ๔ คำ (ท่องว่า "เอกเจ็ด โทสี่")
     
    คำเอก = คำที่มีรูปวรรณยุกต์เอก สามารถใช้คำตายแทนคำเอกได้
    คำตาย
      - กรณีไม่มีตัวสะกด คือ คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น
      - กรณีมีตัวสะกด คือ คำที่สะกดด้วยแม่ กก กบ กด


    หรือใช้คำเอกโทษแทน
    คำเอกโทษ
    คือ คำที่ใช้ไม้เอกแทนไม้โท ในตำแหน่งของบทร้อยกรองที่บังคับให้ใช้ไม้เอก โดยคงเสียงวรรณยุกต์เดิม เช่น เค่า แทน เข้า, ท่า แทน ถ้า


    คำโท = คำที่มีรูปวรรณยุกต์โท หรือใช้คำโทโทษแทน

    คำโทโทษ
    คือ คำที่ใช้ไม้โทแทนไม้เอก ในตำแหน่งของบทร้อยกรองที่บังคับให้ใช้ไม้โท โดยคงเสียงวรรณยุกต์เดิม เช่น หง้าย แทน ง่าย, ผลั้ง แทน พลั่ง 

    สัมผัสของโคลงสี่สุภาพ มีดังนี้

    ๑) คำที่ ๒ ของวรรคหลังในบาทที่ ๑ จะสัมผัสกับ
        คําสุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่ ๒ และ ๓

    ๒) คำที่ ๒ ของวรรคหลังในบาทที่ ๒ จะสัมผัสกับ
        คําสุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่ ๔

แผนผังโคลงสี่สุภาพ


ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพที่ใช้คำเอก-คำโท
ครบทุกตำแหน่ง


๒. ร่ายสุภาพ


ข้อบังคับในการแต่งร่ายสุภาพ

  • ๑ บท มีไม่ต่ำกว่า ๕ วรรค วรรคละ ๕ คำ
  • ๓ วรรคสุดท้ายจบด้วยโคลงสองสุภาพ (ทำให้วรรคสุดท้ายของร่ายสุภาพมี ๔ คำ และมีคำสร้อยได้อีก ๒ คำ) 
  • คําสุดท้ายของแต่ละวรรค จะสัมผัสกับคําที่ ๑ ๒ หรือ ๓ ในวรรคต่อไป
  • วรรคก่อนเข้าโคลงสองสุภาพ จะสัมผัสกับคําที่ ๑  ๒ หรือ ๓ ในวรรคแรกของโคลงสองสุภาพ
  • สัมผัสของโคลงสองสุภาพในร่ายสุภาพ เหมือนกับโคลงสองสุภาพทั่วไป

แผนผังร่ายสุภาพ


ตัวอย่างร่ายสุภาพ


๓. ฉันท์

ในที่นี้จะกล่าวถึงฉันท์เพียง ๒ ชนิด ได้แก่ อินทรวิเชียรฉันท์ และวสันตดิลกฉันท์

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

ข้อบังคับในการแต่งอินทรวิเชียรฉันท์

  • ๑ บท มี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค คือ “วรรคหน้า” กับ “วรรคหลัง”
  • วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ คล้ายกาพย์ยานี ๑๑
  • บังคับ คำครุ ๑๔ ตำแหน่ง และคำลหุ ๘ ตำแหน่ง (ดูตำแหน่งในแผนผัง)

    คำครุ (  ั ) คือ
    ๑) พยางค์ที่มีตัวสะกด
    ๒) พยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงยาวและไม่มีตัวสะกด
    คำลหุ (  ุ ) คือ
    ๑) พยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นและไม่มีตัวสะกด
    ๒) “ก็”, “บ”, “บ่” ถือเป็นคำลหุ 

  • พยางค์สุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่ ๑ สัมผัสกับพยางค์ที่ ๓ ของวรรคหลังในบาทเดียวกัน
  • พยางค์สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๑ สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่ ๒
  • พยางค์สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังพยางค์สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๑ ของบทต่อไป


แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์


ตัวอย่างอินทรวิเชียรฉันท์

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

ข้อบังคับในการแต่งวสันตดิลกฉันท์

  • ๑ บท มี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค คือ “วรรคหน้า” กับ “วรรคหลัง” วรรคหน้ามี ๘ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ
  • บังคับ คำครุ ๑๔ ตำแหน่ง และคำลหุ ๑๔ ตำแหน่ง (ดูตำแหน่งในแผนผัง)
  • พยางค์สุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่ ๑ สัมผัสกับพยางค์ที่ ๓ ของวรรคหลังในบาทเดียวกัน (เหมือนอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
  • พยางค์สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๑ สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่ ๒ (เหมือนอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
  • พยางค์สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังพยางค์สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๑ ของบทต่อไป (เหมือนอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)


แผนผังวสันตดิลกฉันท์


ตัวอย่างวสันตดิลกฉันท์

ทีมผู้จัดทำ